วันพุธที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2566
มณฑลปัตตานี
มณฑลปัตตานี เป็นมณฑลที่ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2449 มีเมืองใหญ่น้อยรวมกัน 7 เมือง คือ ปัตตานี ยะลา ยะหริ่ง ระแงะ ราห์มัน สายบุรี และหนองจิก ปัจจุบันคือ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อันประกอบด้วย จังหวัดปัตตานี นราธิวาส และยะลา หลังจากจัดตั้งเป็นมณฑลปัตตานีโดยสมบูรณ์ ได้ยุบหัวเมืองทั้ง 7 เหลือเพียง 4 เมือง คือยุบเมืองหนองจิกและยะหริ่ง เข้ากับเมืองปัตตานี ยุบรวมเมืองราห์มันเข้ากับยะละรวมเรียกยะลา ส่วนระแงะกับสายบุรี คงไว้เช่นเดิม กระทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป สอดคล้องกับนโยบายยกเลิกระบบเจ้าเมือง โดยอาศัยช่วงที่เจ้าเมืองคนใดคนหนึ่งถึงแก่อสัญกรรมแล้วไม่แต่งตั้งคนใหม่ทดแทน แต่มีการโยกย้ายยุบรวมตามความเหมาะสม ต่อมายุบเมืองระแงะเข้ากับบางนรา แล้วเปลี่ยนชื่อบางนราเป็นเมืองนราธิวาส เมื่อ พ.ศ 2458 ปีต่อมา พ.ศ. 2459 โปรดให้เรียกทุกเมืองที่เหลืออยู่เป็นจังหวัด มณฑลปัตตานีตอนนั้นจึงประกอบด้วย 4 จังหวัด คือ จังหวัดปัตตานี จังหวัดนราธิวาส จังหวัดยะลา และจังหวัดสายบุรี จนกระทั่งปลายเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2474 เมื่อมีการประกาศยุบเลิกมณฑลปัตตานี ได้ลดฐานะจังหวัดสายบุรีเป็นอำเภอตะลุบัน
มณฑลปัตตานีแตกต่างจากมณฑลทั่วไป คือ ประกอบด้วยราษฎรหลากหลายเชื้อชาติ ภาษา ขนบธรรมเนียมและศาสนา จึงมีการผ่อนผันเป็นพิเศษให้สอดคล้องกับสภาพท้องถิ่น เช่น ผ่อนผันให้เกณฑ์ชายฉกรรจ์เป็นตำรวจภูธรแทนการเกณฑ์เป็นทหาร เนื่องจากชาวมุสลิมไม่พอใจในการเกณฑ์เป็นทหาร ได้มีการจัดตั้งศาลเป็น 2 ศาล คือ ศาลทั่วไปและศาลสำหรับการพิจารณาคดีศาสนาอิสลาม รัฐบาลยังประกาศยกเว้นการเก็บภาษีบางอย่าง เช่น ภาษีค่านา ค่าราชการ และสรรพภาษีภายใน
จนกระทั่งถึงปี พ.ศ. 2474 มณฑลปัตตานีได้ถูกรวมเข้ากับมณฑลนครศรีธรรมราช
ที่มา
..............................................................................................................................................................................
- มณฑลเทศาภิบาล : วิเคราะห์เปรียบเทียบ, 350.
- ↑ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ. "คำนำพงศาวดารเมืองปัตตานี". 4.
- ↑ มณฑลเทศาภิบาล : วิเคราะห์เปรียบเทียบ, 356.
- ↑ "กรณีเจ้าแขกเจ็ดหัวเมือง การเริ่มต้นความจริงเกี่ยวกับปัตตานี ด้วยประวัติศาสตร์แห่งการลวง". ศิลปวัฒนธรรม.
- ↑ ปิยดา ชลวร. "ส่วย ภาษีและผลประโยชน์ของเจ้าเมืองปัตตานี" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2021-08-28. สืบค้นเมื่อ 2021-08-28.
- ↑ "ภูมิศาสตร์มณฑลปัตตานี" (PDF).
- ↑ "ยุบรวมพื้นที่บางมณฑลและบางจังหวัด" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2008-04-09. สืบค้นเมื่อ 2021-08-28.
- ↑ มณฑลเทศาภิบาล : วิเคราะห์เปรียบเทียบ, 377.
- ↑ มณฑลเทศาภิบาล : วิเคราะห์เปรียบเทียบ, 379.
วันอังคารที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2566
หนังสืออ่านเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม PDF
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เผยแพร่หนังสืออ่านเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม "พระราชประวัติและพระราชกรณียกิจ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ์ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว"
วันจันทร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2566
วันศุกร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2566
แหล่งมรดกโลกในประเทศไทย World Heritage Site
แหล่งมรดกโลก หรือ World Heritage Site เป็น พื้นที่ที่ได้รับจากขึ้นทะเบียนจาก ยูเนสโก (UNESCO) ซึ่งก็คือ องค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization) เป็นสถานที่ซึ่งถือว่าสำคัญต่อประโยชน์โดยรวมของมนุษยชาติ และได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายตามสนธิสัญญา โดยจะมีคณะกรรมการ และหลักเกณฑ์ต่างๆ ในการคัดเลือกว่า พื้นที่นั้นๆ มีความเหมาะสม ในการพิจารณาให้เป็น “แหล่งมรดกโลก”
สำหรับประเทศไทย องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้ขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกของประเทศไทยทั้งสิ้น 7 รายการ ประกอบด้วยแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม 4 รายการ และแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ 3 รายการ ดังนี้
แหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม
ประกอบด้วย สามพื้นที่สำคัญของวัฒนธรรมทวารวดีในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 6-10 ได้แก่ 1. เมืองใน (เมืองชั้นใน) และเมืองนอก (เมืองขั้นนอก) ที่ล้อมรอบด้วยคูน้ำ 2. โบราณสถานเขาคลังนอก อนุสรณ์สถานสมัยทวารวดีที่ใหญ่ที่สุดที่ยังหลงเหลืออยู่ และ 3. ถ้ำเขาถมอรัตน์ อารามถ้ำของศาสนาพุทธนิกายมหายานที่แสดงให้เห็นถึงตัวอย่างศิลปะและปฏิมากรรมสมัยทวารวดีที่สำคัญ
แหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ
แหล่งมรดกนี้ตั้งอยู่ตามแนวเทือกเขาตะนาวศรีด้านประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสันเขาหินแกรนิตและหินปูนในแนวเหนือ-ใต้ลงสู่คาบสมุทรมลายู ตั้งอยู่ที่ทางแยกระหว่างเทือกเขาหิมาลัย อินโดจีน และเกาะสุมาตรา เป็นดินแดนแห่งสัตว์และดอกไม้ สถานที่แห่งนี้มีความหลากหลายทางชีวภาพมากมาย ทั้งป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง ป่าดิบชื้น ป่าดิบเขา และป่าเต็งรัง มีรายงานพันธุ์พืชและสัตว์ป่าเฉพาะถิ่นและที่ใกล้สูญพันธุ์ทั่วโลกในพื้นที่นี้ ซึ่งทับซ้อนกับพื้นที่นกสำคัญ 2 แห่ง และขึ้นชื่อว่ามีนกหลากหลายชนิด รวมถึงสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ทั่วโลก 8 ชนิด สถานที่แห่งนี้เป็นที่อยู่ของจระเข้สยาม หมาใน วัวแดง ช้างเอเชีย เต่าเหลือง และเต่าหก รวมทั้งสัตว์อีกหลายชนิด นกและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมสายพันธุ์อื่นที่อ่อนแอ ที่พิเศษคือที่นี่ยังเป็นที่อยู่ของแมว 8 สายพันธุ์ ได้แก่ เสือโคร่ง เสือปลา เสือดาว เสือไฟ เสือลายเมฆ แมวลายหินอ่อน แมวป่า และแมวดาว
วันพฤหัสบดีที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2566
คู่มือผู้เล่าเรื่องธรณี "สวนหินพุนางนาค"
กรมทรัพยากรธณีวิทยา เปิดให้ครู อาจารย์ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปที่สนใจ ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องธรณีวิทยาให้ดาวน์โหลด E-Book คู่มือผู้เล่าเรื่องธรณี "สวนหินพุนางนาค" ฟรีที่เว็บโซต์กรมทรัพยากรธรณีวิทยา https://www.dmr.go.th/