สรุปหลักสูตรการศึกษาประถมศึกษาตอนต้น (ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 - 3) พุทธศักราช 2568 ในปีการศึกษา 2568




1.หลักการและเหตุผล
    1.การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว
        โลกในปัจจุบันเผชิญการเปลี่ยนแปลงทั้งในด้านเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และสังคม รวมถึงการระบาดของ COVID-19 ที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำและความไม่แน่นอนในอนาคต
    2.ข้อจำกัดของหลักสูตรปัจจุบัน
        หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 ไม่สามารถพัฒนาผู้เรียนให้มีความสามารถในการใช้ความรู้ในชีวิตจริงได้ เนื่องจากเน้นการวัดผลการเรียนรู้ที่ไม่สอดคล้องกับโลกที่เปลี่ยนแปลง
    3.การพัฒนาหลักสูตรใหม่
        การพัฒนาหลักสูตรการศึกษาของชาติใหม่เน้นการเรียนรู้ที่มุ่งสู่การพัฒนาความสามารถ (สมรรถนะ) ของผู้เรียนในแต่ละช่วงวัย ทั้งด้านการอ่าน การเขียน และการคิดคำนวณ
    4.หลักสูตรการศึกษาประถมศึกษาตอนต้น (ปีที่ 1-3)
        เน้นการพัฒนาทักษะพื้นฐานด้านการอ่าน การเขียน และการคิดคำนวณ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้นและการใช้ชีวิตประจำวัน
    5.การเตรียมผู้เรียนสำหรับอนาคต
        หลักสูตรใหม่มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้สามารถประยุกต์ใช้ความรู้ในชีวิตจริง และเติบโตเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพในสังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

2.วิสัยทัศน์
    "มุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคน ให้มีความสามารถพื้นฐานด้านการเรียนรู้ที่เข้มแข็ง ประยุกต์ใช้ความรู้ในชีวิตประจำวัน มีจินตนาการที่สร้างสรรค์และมีความสุขในการเรียนรู้ เพื่อให้สามารถเติบโตขึ้นเป็นพลเมืองที่ดีและมีคุณภาพในสังคม"

3.หลักการ 
    1. เป็นหลักสูตรที่มีความสามารถพื้นฐานด้านการเรียนรู้ และความสามารถในการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน (Functional Literacy) และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เป็นเป้าหมายการพัฒนาผู้เรียน 
    2. เป็นหลักสูตรที่เน้นการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยการบูรณาการความรู้และสร้างบริบท/ สถานการณ์การเรียนรู้ที่ช่วยให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาและเรียนรู้ตลอดชีวิต (Life -Long Learning) 
    3. เป็นหลักสูตรที่เน้นการประเมินความก้าวหน้าของพฤติกรรมการเรียนรู้อย่างมีทิศทางเพื่อพัฒนาผู้เรียน ให้บรรลุตามเป้าหมาย 
    4. เป็นหลักสูตรที่มีโครงสร้างยืดหยุ่นทั้งด้านความรู้ เวลาเรียน การจัดการเรียนรู้ และการวัดและประเมินผล การเรียนรู้ 
    5. เป็นหลักสูตรที่เปิดโอกาสให้สถานศึกษาสามารถบริหารจัดการหลักสูตรได้ตามบริบทโดยคำนึงถึง คุณภาพของผู้เรียนเป็นสำคัญ

4.จุดหมาย 
    1. ผู้เรียนสามารถอ่าน เขียน และคิดคำนวณ และใช้เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้และการดำเนินชีวิตประจำวัน 
    2. ผู้เรียนสามารถประยุกต์ใช้ความรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยีสังคมและความเป็น พลเมือง เศรษฐกิจและการเงิน สุขภาพกายและจิต และศิลปะและวัฒนธรรมเพื่อสุนทรียภาพ ในชีวิตประจำวัน อย่างเหมาะสม 
    3. ผู้เรียนสามารถคิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์ คิดอย่างมีวิจารณญาณ และคิดแก้ปัญหา 
    4. ผู้เรียนมีความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย อยู่อย่างพอเพียง และมีจิตสาธารณะ ซึ่งเป็นคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่เหมาะสมตามช่วงวัย

5.เป้าหมายการพัฒนาผู้เรียนชั้นประถมศึกษาตอนต้น (ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 - 3)
    1.ความสามารถพื้นฐานด้านการเรียนรู้ 
        1) ความสามารถด้านการอ่าน (Reading Literacy) หมายถึง ความสามารถในการอ่านและเข้าใจ ความหมายของคำ ข้อความ นิทาน เรื่องราว ภาพ เครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ที่พบเห็นในชีวิตประจำวัน รวมถึง ความสามารถในการจับใจความสำคัญ วิเคราะห์เนื้อหา เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างคำและประโยค และการประเมิน ความน่าเชื่อถือของข้อมูลจากสิ่งที่อ่าน 
        2) ความสามารถด้านการเขียน (Writing Literacy) หมายถึง ความสามารถในการเรียบเรียงคำหรือ ข้อความให้เป็นประโยค เรื่องราว เพื่อแสดงความคิด ความรู้สึก รวมถึงการวางโครงสร้างของประโยคและย่อหน้า การเลือกใช้คำที่เหมาะสม ใช้เครื่องหมายวรรคตอนอย่างถูกต้อง เพื่อการสื่อความหมายให้ผู้อ่านเข้าใจได้ชัดเจน 
        3)ความสามารถด้านการคิดคำนวณ (Numeracy) หมายถึง ความสามารถในการใช้ความเข้าใจตัวเลข และแนวคิดทางคณิตศาสตร์ในชีวิตประจำวัน รวมถึงการวิเคราะห์และตีความข้อมูลทางสถิติ การแก้ปัญหา และ การใช้เหตุผลทางคณิตศาสตร์ในการตัดสินใจ 
    2. ความสามารถด้านการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน หมายถึง ความสามารถในการประยุกต์ ใช้การอ่าน การเขียน และการคิดคำนวณ เพื่อการเรียนรู้และจัดการข้อมูลต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ๕ ด้าน คือ ด้านวิทยาศาสตร์ สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยีด้านสังคมและความเป็นพลเมือง ด้านเศรษฐกิจและการเงิน ด้านสุขภาพกายและจิต และด้านศิลปะและวัฒนธรรมเพื่อสุนทรียภาพ 

6.คุณลักษณะอันพึงประสงค์
    1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์
    2) ซื่อสัตย์สุจริต 
    3) มีวินัย 
    4) อยู่อย่างพอเพียง 
    5) มีจิตสาธารณะ

7.คุณภาพผู้เรียนเมื่อจบชั้นประถมศึกษาตอนต้น 
    1.มีความสามารถพื้นฐานด้านการเรียนรู้ 
        1) เข้าใจความหมายของคำ ข้อความ ภาพ สัญลักษณ์ แผนภูมิ แผนภาพ แผนผัง และเรื่องราว ในชีวิตประจำวัน สามารถสรุปสาระสำคัญจากการอ่าน และสื่อสารให้ได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ด้วยวิธีการ ต่างๆ อย่างเหมาะสม มีประสิทธิภาพ และรับผิดชอบ 
        2) เขียนเพื่อถ่ายทอดข้อมูล ความคิด และความรู้สึก โดยใช้คำพื้นฐานและจัดเรียงเนื้อหาทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ได้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ มีความชัดเจน เหมาะสมกับสถานการณ์และกาลเทศะ 
        3) ใช้ความรู้เบื้องต้นทางคณิตศาสตร์แก้ปัญหาในชีวิตประจำวันด้วยความเชื่อมั่น รวมถึงสื่อสาร ด้วยภาษาและสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์อย่างสมเหตุสมผล 
    2.มีความสามารถด้านการประยุกต์ใช้ความสามารถพื้นฐานด้านการเรียนรู้ในชีวิตประจำวัน 
        1) รับรู้และเข้าใจปรากฏการณ์ทางธรรมชาติสิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยีและใช้เป็นข้อมูล ประกอบการตัดสินใจในการแก้ปัญหาและสร้างสรรค์สิ่งใหม่อย่างเหมาะสม เพื่อการดำเนินชีวิตด้วยความรับผิดชอบ ตามบริบทและสภาพแวดล้อม 
        2) รับรู้และปฏิบัติตนในฐานะพลเมืองดี เห็นคุณค่าของตนเอง มีเป้าหมายในชีวิต รับผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัว โรงเรียน ชุมชนและสังคม มีทักษะในการทำงานเป็นทีม มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคม
        3) รับรู้และเข้าใจสภาพทางเศรษฐกิจของครอบครัว เข้าใจถึงกระบวนการทำงานที่ทำให้เกิด รายได้โดยน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดำเนินชีวิต และมีทัศนคติที่ดีต่อการประกอบ อาชีพสุจริต 
        4) รับรู้และเข้าใจเกี่ยวกับการดูแลรักษาสุขภาพกายและจิต ตระหนักและเห็นความสำคัญของ การปฏิบัติตนเป็นผู้มีสุขนิสัย ควบคุมอารมณ์ จัดการความเครียด และนำพาตนเองออกจากภาวะเสี่ยงหรือ อันตรายรอบด้าน 
        5) รับรู้และเห็นคุณค่าทางสุนทรียภาพของศิลปะและวัฒนธรรม เข้าร่วมกิจกรรมในท้องถิ่น และ สื่อสารด้วยความภาคภูมิใจ 

8.มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์
    1) มีความรักและภาคภูมิใจในประเทศชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ มีความรู้สึกผูกพันและ เคารพต่อสถาบันหลักของชาติ 
    2) มีจิตใจที่ซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา และมีความถูกต้องในคำพูดและการกระทำ ไม่คดโกง ไม่หลอกลวง 
    3) มีความมุ่งมั่นในการทำงาน รับผิดชอบ ใฝ่เรียนรู้ เคารพกฎ กติกา ควบคุมและกำกับตนเองให้ ปฏิบัติงานจนบรรลุเป้าหมาย 
    4) มีความพอดีและสมดุล ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่เกินความจำเป็น ในการดำเนินชีวิต 
    5) มีจิตใจที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และพร้อมช่วยเหลือผู้อื่น

9. ความรู้พื้นฐาน 
    ความรู้พื้นฐานสำหรับพัฒนาความสามารถพื้นฐานด้านการเรียนรู้ 
        1) ความสามารถด้านการอ่าน (Reading Literacy) หมายถึง ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับ ธรรมชาติและหลักภาษาทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพื่อการอ่านคำ ข้อความ เรื่องราว เรื่องสั้น หรืออื่น ๆ ในชีวิตประจำวัน 
        2) ความสามารถด้านการเขียน (Writing Literacy) หมายถึง ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับ ธรรมชาติและหลักภาษาทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพื่อการเขียนได้อย่างถูกต้อง 
        3) ความสามารถด้านการคิดคำนวณ (Numeracy) หมายถึง ความรู้และเข้าใจเกี่ยวกับตัวเลข และแนวคิดทางคณิตศาสตร์เกี่ยวกับจำนวนและตัวเลข การวัด เรขาคณิต พีชคณิต สถิตและความน่าจะเป็น
    ความรู้พื้นฐานสำหรับพัฒนาความสามารถด้านการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
        1) ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยีเป็นความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ กฎและหลักการทางวิทยาศาสตร์ การสำรวจและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ความเข้าใจโลก และจักรวาลในแง่มุมต่าง ๆ วงจรชีวิตของพืชและสัตว์ ระบบนิเวศ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และการจัดการ กับปัญหาสิ่งแวดล้อม รวมถึงเทคโนโลยี
        2) ความรู้ด้านสังคมและความเป็นพลเมือง เป็นความรู้ความเข้าใจเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ ระหว่างบุคคลในสังคม บทบาทหน้าที่ของแต่ละบุคคลในชุมชนและสังคม สิทธิและหน้าที่ของตนเองและผู้อื่น กิจกรรมที่แสดงถึงความเคารพสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ วัฒนธรรม ประเพณีไทย ภูมิปัญญา ในท้องถิ่น ความสำคัญของกาลเวลา ลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตจากอดีตจนถึงปัจจุบัน 
        3) ความรู้ด้านเศรษฐกิจและการเงิน เป็นความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการทรัพยากร ทางการเงิน การวางแผนการใช้จ่าย การออมเงิน และการลงทุน การทำงานของระบบเศรษฐกิจ การบริหารจัดการ งบประมาณส่วนบุคคลและครอบครัว การตัดสินใจทางการเงินอย่างมีเหตุผล และการเตรียมตัวสำหรับอนาคต ทางการเงิน ประยุกต์ใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการดำเนินชีวิต การทำงานเพื่อช่วยเหลือตนเอง ครอบครัว โรงเรียน ส่วนรวม รู้จักใช้วัสดุอุปกรณ์ เครื่องมืออย่างปลอดภัย เหมาะสมและประหยัด 
        4) ความรู้ด้านสุขภาพกายและจิต เป็นความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการดูแลและรักษาสุขภาพ ของร่างกาย การป้องกันโรค การออกกำลังกาย และการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ การพักผ่อนที่เพียงพอ การรักษาความสะอาดส่วนบุคคล การจัดการกับอารมณ์และความรู้สึกของตนเองและผู้อื่น การควบคุมอารมณ์ และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและมีความหมายกับผู้อื่น 
        5) ความรู้ด้านศิลปะและวัฒนธรรมเพื่อสุนทรียภาพ เป็นความรู้ความเข้าใจและความซาบซึ้ง ในความงามของศิลปะและวัฒนธรรม ผ่านการดู ฟัง สัมผัส และลงมือทำ โดยใช้กิจกรรมที่ส่งเสริมจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ช่วยพัฒนาความรู้สึกที่ดีต่อศิลปะและการอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข

10.การจัดเวลาเรียน 
    หลักสูตรการศึกษาประถมศึกษาตอนต้น (ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 - 3) พุทธศักราช 2568 กำหนดเวลา “เพื่อพัฒนาความสามารถพื้นฐานด้านการเรียนรู้ความสามารถด้านการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน และ คุณลักษณะอันพึงประสงค์” ไม่น้อยกว่า 800 ชั่วโมง/ปี


    จัดการเวลาเรียน ดังนี้ 
        1. ให้มีการออกแบบการจัดการเรียนรู้ในรูปแบบที่หลากหลายเพื่อพัฒนาผู้เรียนทั้งด้านความสามารถ พื้นฐานด้านการเรียนรู้ความสามารถด้านการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 
        2. ให้มีการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ผ่านได้ทั้งกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความสามารถ พื้นฐานด้านการเรียนรู้ความสามารถในการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 
        3. ยืดหยุ่นเวลาเรียนได้ตามความต้องการและบริบทสถานศึกษา โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนา ความสามารถพื้นฐานด้านการเรียนรู้ด้านการอ่าน การเขียน และการคิดคำนวณ เป็นสำคัญ 

11.การจัดการเรียนรู้ 
        มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มี“ความสามารถพื้นฐานด้านการเรียนรู้ความสามารถด้านการประยุกต์ใช้ ในชีวิตประจำวัน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์” 
         1) หลักการและแนวคิดการจัดการเรียนรู้ ยึดหลักการและแนวคิดการจัดการเรียนรู้ ดังนี้ 
            1. เป้าหมายการพัฒนาผู้เรียน 
                1.1 ความสามารถพื้นฐานพื้นฐานด้านการเรียนรู้ ประกอบด้วย ความสามารถด้านการอ่าน การเขียน และการคิดคำนวณ เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้และทำกิจกรรมประจำวัน 
                1.2 ความสามารถในการประยุกต์ใช้ในการเรียนรู้ เป็นความสามารถในการประยุกต์ใช้ การอ่าน การเขียน และการคิดคำนวณ เป็นเครื่องมือเรียนรู้ในบริบทโลกจริง ได้แก่ บริบททางวิทยาศาสตร์ สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี สังคมและความเป็นพลเมือง เศรษฐกิจและการเงิน ด้านสุขภาพกายและจิต จนเกิดการเรียนรู้และสามารถนำไปใช้ในการดำเนินชีวิตได้ 
                1.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ เป็นลักษณะของบุคคลที่ต้องการพัฒนาให้เกิดกับผู้เรียน ผ่านการการจัดการเรียนรู้ 
                1.4 ความรู้พื้นฐาน เป็นเป็นพื้นที่การเรียนรู้เพื่อส่งเสริมและพัฒนาให้เกิดความสามารถ พื้นฐานด้านการอ่าน การเขียน การคิดคำนวณ รวมถึงการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน และคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ โดยสถานศึกษาสามารถกำหนดได้เองตามเหมาะสม 
            2. ใช้แนวคิดการจัดการเรียนรู้เชิงรุกควบคู่กับการวัดและประเมินระหว่างเรียนในการออกแบบ การจัดการเรียนรู้กระบวนการเรียนรู้ต้องเปิดโอกาสให้ผู้เรียนใช้การอ่าน การเขียน และการคิดคำนวณ เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้เพื่อฝึกฝนให้เกิดความชำนาญและเชี่ยวชาญผ่านสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี สังคมและความเป็นพลเมือง เศรษฐกิจและการเงิน สุขภาพกายและจิต และศิลปะและวัฒนธรรมเป็นสถานการณ์ 
            3. การประเมินระหว่างเรียน เป็นการตรวจสอบและพัฒนาพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านการอ่าน การเขียน การคิดคำนวณ การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ให้เป็นไปในทิศทาง ที่ต้องการ 
            4. เป้าหมายการจัดการเรียนรู้ต้องบูรณาการระหว่างความสามารถพื้นฐานด้านการอ่าน การเขียน การคิดคำนวณ และในบริบทของวิทยาศาสตร์ สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี สังคมศึกษาและความเป็นพลเมือง เศรษฐกิจและการเงิน สุขภาพกายและจิต และศิลปะและวัฒนธรรมเพื่อสุนทรียภาพ 
            5. ใช้เนื้อหาเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี สังคมศึกษาและความเป็นพลเมือง เศรษฐกิจและการเงิน สุขภาพกายและจิต เป็นพื้นที่พัฒนาความสามารถพื้นฐานด้านการอ่าน การเขียนและ การคิดคำนวณ
        2) องค์ประกอบของการจัดการเรียนรู้ 
            1. เป้าหมายการจัดการเรียนรู้เป็นสิ่งที่ต้องการให้เกิดกับผู้เรียนผ่านการจัดการเรียนรู้ ประกอบด้วย ความสามารถพื้นฐานด้านการเรียนรู้ ความสามารถด้านการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ในการจัดการเรียนรู้ต้องกำหนดเป็นองค์รวม ในลักษณะของ “ผลลัพธ์การเรียนรู้” เพื่อให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะพื้นฐานด้านการอ่าน การเขียน หรือการคิดคำนวณ และการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน แบบองค์รวม 
            2. กิจกรรมการเรียนรู้เป็นการจัดกระบวนการหรือสถานการณ์ให้ผู้เรียนได้มีโอกาสเรียนรู้ ผ่านการมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้ให้บรรลุเป้าหมาย ตามหลักสูตร ต้องมีความเหมาะสมกับลักษณะของเป้าหมายการจัดการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ต้องส่งเสริม ให้ผู้เรียนมีพัฒนาการด้านการอ่าน เขียน และคิดคำนวณอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันต้องสร้างโอกาส ให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะในการใช้การอ่าน เขียน และคิดคำนวณในบริบทด้านวิทยาศาสตร์ สิ่งแวดล้อม และ เทคโนโลยี สังคมและความเป็นพลเมือง เศรษฐกิจและการเงิน สุขภาพกายและจิต และศิลปะและวัฒนธรรม เพื่อสุนทรียภาพเพื่อขยายวงคำศัพท์พื้นฐานด้านการอ่าน การเขียน และการคิดคำนวณให้กว้างขึ้น 
            3. การประเมินการเรียนรู้เป็นกระบวนการตรวจสอบและประเมินการเกิดพฤติกรรม การเรียนรู้ของผู้เรียนเทียบกับเกณฑ์ที่คาดหวัง และใช้ผลการประเมินสะท้อนกลับให้ครูและผู้เรียนได้ทราบ ส่วนที่ต้องเพิ่มเติม เติมเต็มเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ และการจัดการเรียนรู้ 
            4. สื่อ อุปกรณ์ หรือแหล่งเรียนรู้เป็นสื่อที่ใช้ในการสนับสนุนและเสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้ ของผู้เรียน สื่อการเรียนรู้อาจเป็นได้ทั้งสิ่งที่จับต้องได้และไม่ได้ เช่น หนังสือเรียน แบบฝึกหัด วิดีโอการสอน ซอฟต์แวร์การศึกษา แอปพลิเคชันการเรียนรู้ บทเรียนออนไลน์ การ์ตูนแอนิเมชัน เพลง นิทาน หรือแม้กระทั่ง อุปกรณ์วิทยาศาสตร์และงานฝีมือ สื่อการเรียนรู้มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นความสนใจของผู้เรียน ทำให้การเรียนรู้ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยเสริมสร้างทักษะและความรู้ในวิชาต่าง ๆ โดยการใช้สื่อที่เหมาะสมกับวัย และความสามารถของผู้เรียน สื่อการเรียนรู้อาจถูกใช้ในการสอนทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน เพื่อสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่หลากหลายและน่าสนใจสำหรับผู้เรียนทุกคน
        3) การออกแบบการจัดการเรียนรู้เป็นการวางแผนจัดประสบการณ์เพื่อให้ผู้เรียนเกิดพฤติกรรม ประกอบด้วย 
            1.กำหนดเป้าหมายการพัฒนาผู้เรียน ต้องบูรณาการเป้าหมายทั้งด้านความสามารถพื้นฐาน ด้านการเรียนรู้ความสามารถในการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 
            2. ออกแบบการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ใช้ประเมินระหว่างเรียน ทั้งการประเมินเพื่อการเรียนรู้ และการใช้การประเมินเป็นกระบวนการเรียนรู้ โดยให้การประเมินระหว่างเรียนเป็นการเก็บรวบรวมพฤติกรรม การเรียนรู้เพื่อดูทิศทางหรือความก้าวหน้าของพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียนว่ามีทิศทางไปสู่การบรรลุ เป้าหมายการเรียนรู้หรือไม่ อย่างไร 
            3. ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ ใช้แนวคิดการจัดการเรียนรู้เชิงรุกออกแบบการจัดกิจกรรม การเรียนรู้บูรณาการความรู้ผ่านบริบทจริงเพื่อพัฒนาความสามารถพื้นฐานและการประยุกต์ใช้ พร้อมทั้งให้มี การตรวจสอบพฤติกรรมการเรียนรู้และพัฒนาผู้เรียนไปสู่เป้าหมายการจัดการเรียนรู้ 
            4. คัดเลือกสื่อ อุปกรณ์ หรือแหล่งเรียนรู้เลือกให้สอดคล้องกับเป้าหมายของการพัฒนาผู้เรียน ทั้งความสามารถพื้นฐานด้านการเรียนรู้ ความสามารถในการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

12. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ 
    1) แนวคิดการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ใช้แนวคิดการประเมินระหว่างเรียน และการประเมินเพื่อสรุปหรือตัดสินผล การเรียน คู่กับแนวคิดการประเมินแบบอิงเกณฑ์ ดังนี้ 
        การประเมินระหว่างเรียน เป็นการดำเนินการรวบรวมหลักฐานการเรียนรู้ของผู้เรียน มุ่งเน้นไปที่การวินิจฉัยจุดแข็งและจุดอ่อนในการเรียนรู้ของผู้เรียน และให้ข้อเสนอแนะสำหรับทบทวนกลยุทธ์ แนวคิดการประเมิน ดังนี้ 
            -การประเมินเพื่อการเรียนรู้ เป็นการรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมความก้าวหน้าด้านการเรียนรู้ ของผู้เรียนอย่างต่อเนื่องระหว่างจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อให้ข้อเสนอแนะที่มีคุณภาพและทันท่วงทีแก่ผู้เรียน ในการปรับปรุงการเรียนรู้ และให้ครูปรับเปลี่ยนการวางแผนหลักสูตร และกลยุทธ์การสอน 
            -การประเมินเป็นการเรียนรู้ เป็นการใช้ภาระงานการเรียนรู้และข้อเสนอแนะที่รวบรวม โดยผู้เรียนเพื่อปรับปรุงการเรียนรู้ของตนเอง ลักษณะเป็นแบบค่อย ๆ เก็บข้อมูล และส่งเสริมความเข้าใจ ของผู้เรียนเกี่ยวกับการเรียนรู้ของผู้เรียน การประเมินประสิทธิผลของการเรียนรู้ การปรับกลยุทธ์การเรียนรู้ การวางแผนเพื่อการติดตามผลและกำหนดวัตถุประสงค์และกลยุทธ์การเรียนรู้ในอนาคต การประเมินระหว่างเรียน 
        การประเมินเพื่อสรุปหรือตัดสินผลการเรียน เป็นการประเมินเพื่อตัดสิน มุ่งเน้นไปที่ การให้คำอธิบายโดยรวมและสรุปเกี่ยวกับการปฏิบัติและความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของผู้เรียน การประเมิน เพื่อสรุปหรือตัดสินผลการเรียนเป็นการประเมินเพื่อตัดสินผลการพัฒนาเทียบกับเกณฑ์คุณภาพเมื่อจบช่วงชั้น และรายงานผลการพัฒนาเป็นระดับความสามารถ 4 ระดับ 
    2) การตัดสินและรายงานผลการเรียน มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาความสามารถพื้นฐานด้านการเรียนรู้ และความสามารถใน การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันที่เหมาะสมกับช่วงวัยของผู้เรียน ตามความสามารถของผู้เรียนเมื่อจบชั้นปี และจบการศึกษาระดับประถมศึกษาตอนต้น ตามเกณฑ์ความสามารถ 4 ระดับ โดยมีหลักการและแนวปฏิบัติ ดังนี้ 
        1. การตัดสินผลการเรียน เป็นการพิจารณาให้ระดับความสามารถผู้เรียนด้านการอ่าน การเขียน การคิดคำนวณ และความสามารถในการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันเมื่อจบชั้นปีและจบการศึกษา ระดับประถมศึกษาตอนต้น โดย 1) การตัดสินผลการเรียนเมื่อจบชั้นปี ให้พิจารณาจากผลการประเมินความสามารถ ของผู้เรียนเมื่อสิ้นสุดกระบวนการพัฒนาผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1, 2 และ 3 ตามความสามารถเมื่อจบชั้นปี (8 ความสามารถ) ตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด 4 ระดับ โดยให้สถานศึกษาดำเนินการ ดังนี้ 
            - กำหนดเกณฑ์คุณภาพ 4 ระดับ สำหรับให้ผลการเรียน 
            - ประเมินความสามารถผู้เรียนตามความสามารถเมื่อจบชั้นปีด้วยวิธีการ เครื่องมือ ที่หลากหลาย และพิจารณาให้ผลการเรียนตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด โดย ให้มีความสามารถอยู่ในระดับ พัฒนาขึ้นไป ทั้ง 8 ความสามารถ
        
    3) การรายงานผลการเรียน 
        (1) การรายงานผลการเรียนเมื่อจบชั้นปีให้มีการให้ผลการเรียนตามความสามารถ ของผู้เรียนเมื่อจบชั้นปีทั้ง 8 ความสามารถ เป็นระดับความสามารถ 4 ระดับ คือ ระดับเริ่มต้น ระดับพัฒนา ระดับชำนาญ และระดับเชี่ยวชาญ เมื่อสิ้นสุดการพัฒนาผู้เรียนแต่ละปีการศึกษา ตามเกณฑ์ที่สถานศึกษา กำหนด 
        (2) การรายงานผลการเรียนเมื่อจบการศึกษาระดับประถมศึกษาตอนต้น กำหนดให้มี การให้ผลการเรียน 4 ด้าน คือ ด้านการอ่าน ด้านการเขียน ด้านการคิดคำนวณ และด้านการประยุกต์ใช้ ในชีวิตประจำวัน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เมื่อสิ้นสุดการพัฒนาผู้เรียนในชั้น ปีที่ 3 เป็นระดับความสามารถ 4 ระดับ คือ ระดับเริ่มต้น ระดับพัฒนา ระดับชำนาญ และระดับเชี่ยวชาญ ตามเกณฑ์ที่หลักสูตรกำหนด 

    (4) การเลื่อนชั้นปี 
        การเลื่อนชั้นปีเป็นการเลื่อนจากชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ไปชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 และจากชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ไปชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งผู้เรียนจะได้รับการเลื่อนชั้น เมื่อมีผลการเรียน ตามความสามารถเมื่อจบชั้นประถมศึกษาตอนต้นครบ 8 ความสามารถ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด หากผลการเรียนของผู้เรียนไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด สถานศึกษาสามารถ ให้ผู้เรียนเลื่อนระดับชั้นปีได้ โดยให้มีการใช้ผลการเรียนนั้นเป็นข้อมูลสำหรับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ หรือระบบสนับสนุนอื่น เพื่อช่วยให้ผู้เรียนมีผลการเรียนรู้ตามที่หลักสูตรสถานศึกษากำหนด

    4) การจบการศึกษา การจบการศึกษา หมายถึง การที่ผู้เรียนได้รับการประเมินตามเกณฑ์การจบการศึกษาระดับ ประถมศึกษาตอนต้น ดังนี้ 
        (1) มีผลการเรียนตามความสามารถเมื่อจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 - 3 ครบทั้ง 8 ความสามารถ ตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด 
        (2) มีผลการประเมินความสามารถของผู้เรียนเมื่อสิ้นสุดกระบวนการพัฒนาผู้เรียนช่วงชั้นที่ 1 (จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 3) ด้านการอ่าน การเขียน การคิดคำนวณ และการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ตามเกณฑ์ที่ส่วนกลางกำหนด 4 ระดับ โดยกำหนดให้ 
            - มีความสามารถด้านการอ่าน การเขียน และการคิดคำนวณ ในระดับชำนาญ ขึ้นไป 
            - มีความสามารถด้านการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ในระดับพัฒนา ขึ้นไป 
            - มีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ผ่านตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด 
            - มีผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนผ่านตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด

แสดงความคิดเห็น

ใหม่กว่า เก่ากว่า