โดย
นายจีระพันธ์ กาฬปักษี
1.บทนำ
“กล้วยไม้ออกดอกช้า ฉันใด
การศึกษาเป็นไป ฉันนั้น
แต่ออกดอกคราวไร งามเด่น
งานสั่งสอนปลูกปั้น เสร็จแล้วแสนงาม”
(หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล)
ผู้เขียนยิบยกบทประพันธ์ของหม่อมหลวงปิ่น
มาลากุล บทประพันธ์นี้ท่านได้อุปมาอุปมัยให้เห็นความสำคัญของการศึกษา เพราะการศึกษานั้นเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาคน
เพื่อให้คนที่ถูกพัฒนาแล้วไปพัฒนาประเทศชาติต่อ ทั้งนี้อาจชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของครู
ที่จะนำความรู้ไปใช้ในถ่ายทอดศิษย์ให้เป็นผู้มีความรู้ เป็นคนดี เสียสละ และสามารถดำรงอยู่ในสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในอดีตสังคมยกย่องครูไว้สูงยิ่ง
เพราะครูเป็นทุกสิ่งอย่าง เป็นทั้งหมอในตอนที่นักเรียนไม่สบาย เป็นผู้พิพากษาในตอนที่นักเรียนทะเลาะกัน
อื่นๆอีกมากมายที่จะคอยแก้ไขปัญหาต่างๆในโรงเรียนรวมทั้งชุมชนท้องถิ่น ก่อนที่เราจะเข้าใจบทบาทของครู
เราควรเข้าใจความหมายของคำว่าครูให้เข้าใจเสียก่อน มีผู้ให้คำนิยามของคำว่าครูไว้มากมายซึ่งผู้เขียนขอยกความหมายของพระเทพวิสุทธิเมธีดังนี้
พระเทพวิสุทธิเมธี (พุทธทาสภิกขุ 2529 : 92-94) อ้างใน(จีราวุฒ ก๊กใหญ่,2557 : ออนไลน์) อธิบายความหมายและความเป็นมาของคำว่าครูไว้ว่า
“คำว่าครูในสมัยโบราณในประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นเจ้าของคำนี้ เป็นคำที่สูงมาก เป็นผู้เปิดประทางตูวิญญาณ
แล้วก็นำไปเดินทางวิญญาณ ไปสู่คุณธรรมเบื้องสูง เป็นเรื่องทางจิตโดยเฉพาะ มิได้หมายถึงเรื่องวัตถุ
หรือมรรยาท หรือแม้แต่อาชีพ จึงมีน้อยมาก ครูนั้นมักจะไปทำหน้าที่เป็นปุโรหิตของพระราชา
หรืออิสระชนซึ่งมีอำนาจวาสนา มีหน้าที่การงานอันใหญ่หลวง
จากคำอธิบายดังกล่าวนั้นครูในอดีตเป็นตำแหน่งที่สังคมยกย่อง
เป็นผู้เปิดประตูทางวิญญาณ วิญญาณศิษย์ทั้งหลายยังปิดด้วยอวิชชา เป็น การช่วยให้ศิษย์ทำลายอวิชชาทั้งหลายเพื่อได้พัฒนาความเป็นมนุษย์
มีชีวิตจิตใจที่สูงกว่าสัตว์ทั้งหลายนั้นเอง ในแง่ของความหมายนี้
ฉะนั้น
ความเป็นครูจึงเป็นของหนัก ครูที่แท้จริงจึงเป็นผู้ควรแก่การเคารพสักการะ ควรแก่การบูชา
เป็นปูชนียบุคคล ผู้เป็นที่พึ่ง และผู้นำ ทางจิตวิญญาณแก่สังคม
2. บทบาทของครูในอดีต
ในอดีตครูมีความสำคัญต่อบุคคลและสังคมมาก แต่ในปัจจุบันความสำคัญของครูเปลี่ยนไป
มีสาเหตุหลายประการที่ทำให้ความสำคัญของครูในอดีตกับครูในปัจจุบันแตกต่างกัน (จีราวุฒ
ก๊กใหญ่,2557
: ออนไลน์) เช่น
2.1 จำนวนครู ในอดีตจำนวนครูมีน้อย
คนที่จะมาเป็นครูได้นั้นจะต้องมีการคัดเลือกผู้ที่มี สติปัญญาดี และมีนิสัยเหมาะสมที่จะเป็นครู
สามารถประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นแบบอย่าง แก่ลูกศิษย์ได้ ดังนั้น ความสำคัญของครูจึงมีมาก
ทว่าปัจจุบัน การศึกษาขยายตัวอย่างรวดเร็ว จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่ม จำนวนครูให้มากขึ้น
และมีคนเป็นจำนวนมากที่มิได้ศรัทธาที่จะเป็นครู แต่จำเป็นต้อง ประกอบอาชีพนี้เพียงเพื่อให้มีโอกาสได้งานทำ
จึงทำให้ครูบางคนมีพฤติกรรมที่ ไม่ เหมาะสมกับการเป็นครูไม่มีศรัทธาในวิชาชีพที่ทำอยู่
2.2
หลักสูตรการสอน ในอดีต “ตัวครู” คือ “หลักสูตร” ครูมีความสามารถในเรื่องใด
หรือมีวิธีการ สอนอย่างใดก็สอนกันไปเช่นนั้น
ครูมีความสำคัญมากในการที่จะดูแลปรับปรุงพฤติกรรมของเด็ก แต่ปัจจุบัน
หลักสูตรการเรียนการสอนในระดับต่าง ๆ มีมาก
และแต่ละสาขาวิชาก็จะมีครูเฉพาะสาขาวิชาทำการสอนในวิชานั้น ๆอยู่ นักเรียนจะมีโอกาสได้
เรียนกับครูหลาย ๆ คน ทำให้ความผูกพันระหว่างครูกับนักเรียน ลดน้อยลง นักเรียนจะ
ไม่ค่อยเห็นคุณค่าความสำคัญของครูเท่าใดนัก ซึ่งวิชาสังคมศึกษาเป็นวิชาหนึ่งที่ครู ในโรงเรียน
และนึกไม่ให้ความสนใจเท่าที่ควร
2.3 จำนวนนักเรียน ในอดีตจำนวนประชากรมีน้อยกว่าปัจจุบันมาก
ผู้ที่สนใจจะเรียนหนังสือ ก็มีจำนวนไม่มาก
ครูผู้สอนแต่ละคนสามารถดูแลอบรมนักเรียนได้อย่างทั่วถึง มีความ
ผูกพันซึ่งกันและกัน แต่ปัจจุบัน
จำนวนนักเรียนในแต่ละระดับ แต่ละห้องมีมากขึ้น ครูบางคน ต้องสอนนักเรียนหลายห้อง
เมื่อสอนหมดชั่วโมงหนึ่งก็ต้องรีบไปสอนต่ออีกห้องต่อไป ทำ ให้ความผูกพันใกล้ชิดกันระหว่างครูกับลูกศิษย์ลดน้อยลงตามลำดับ
ประกอบกับคุณภาพของการสอนไม่ดีเท่าที่จะเป็นอันเนื่องมาจากครูจบสาขาวิชาหนึ่งแต่มาสอนอีกวิชาหนึ่งคือสอนแค่พอผ่านๆเพราะครูผู้สอนไม่เข้าใจถึงแก่นของวิชาความรู้ของเด็กที่ได้รับก็เป็นความรู้เพื่อพอผ่านเท่านั้นเอง
ยกตัวอย่างบางโรงเรียนครูคณิตศาสตร์มาสอนวิชาสังคมศึกษา
ถามว่าครูคณิตศาสตร์จะเข้าใจแก่นแท้หรือวิธีการสอนแบบสังคมศึกษาหรือไม่
ตอบว่าไม่เพราะแต่ละสาขาวิชามีลักษณะเฉพาะและหลักการสอนวิธีการสอนแตกต่างกัน
3. ความตกต่ำของวิชาสังคมศึกษา
มีนักเรียนหลายคนที่ไม่ชอบเรียนวิชาสังคมศึกษา
โดยมีผลจากการสำรวจวิชาเรียนที่นักเรียนไม่อยากเรียนมากที่สุดพบว่า วิชาสังคมศึกษาเป็นวิชาแรกๆ
ที่นักเรียนไม่อยากเรียนดังที่ กรุงเทพโพล สำรวจนักเรียนมัธยมศึกษาในเขตกรุงเทพมหานคร
เมื่อวันที่ 7-8 มกราคม 2552 พบว่า 5 อันดับแรกของวิชาเรียนที่นักเรียนไม่ชอบเรียนมากที่สุด
ได้แก่ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย สังคมศึกษา และวิทยาศาสตร์ ตามลำดับ โดยนักเรียนให้เหคุผลว่าไม่ชอบวิชาสังคมศึกษา
เพราะว่า เรียนแล้วเครียด ต้องเขียนเยอะ และไม่ชอบท่องจำ (ธนพัชร์ ตุลาธร,2552 : ออนไลน์)
จากผลการสำรวจความคิดเห็นดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า มีนักเรียนอีกจำนวนมากที่เรียนวิชาสังคมศึกษา แบบไร้ความสุขในการเรียน แต่จำเป็นต้องเรียน เพราะหลักสูตรกำหนดให้เรียน และต้องใช้ผลการเรียนเพื่อประโยชน์ในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย(สำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย)
อีกประการหนึ่งคือความไม่ชอบวิชาสังคมศึกษาเพราะเกิดจากการปลูกฝังค่านิยมที่ผิดของครู
ผู้ปกครอง “ว่าวิชาสังคมศึกษาไม่จำเป็นต้องเรียน อ่านเองก็ได้
เพราะไม่ใช่วิชาที่สำคัญอะไร ไม่อ่านยังทำข้อสอบได้เลย”
และสังคมจะมองว่าคนที่เรียนวิชาเอกสังคมศึกษาเป็นคนที่ไม่เก่ง
และยกย่องคนที่เรียนสายวิทย์-คณิต
แม้แต่เวลาครูแนะแนวนักเรียนเพื่อเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยเช่นเดียวกัน
ครูจะแนะนำเด็กเลือกเรียนอันดับแรกแพทยศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์
ดังนั้นนักเรียนจึงไม่ให้ความสำคัญของวิชาสังคมเท่าไหร่นักเพราะให้เหตุผลว่าถ้าสอบเข้าเรียนวิชาเอกอื่นไม่ได้สังคมศึกษาเป็นตัวเลือกสุดท้าย
คนเก่งๆจึงหันไปเรียนด้านอื่นหมด นั่นคือความใจแคบของครูและผู้ปกครอง
เมื่อครูไม่สามารถสร้างค่านิยมที่ดีต่อวิชาสังคมศึกษาได้นั้นเด็กก็จะไม่ได้ซึมซับคุณธรรม และค่านิยม ที่พึงจะประสงค์แทนที่จะสร้างคนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบนั้นกลับกลายเป็นการสร้างคนเก่งให้เข้ามาโกงกินบ้านเมืองนั้นเอง จะเห็นได้จากข่าวสารบ้านเมืองที่ปรากฏอยู่หน้าหนังสือพิมพ์จำนวนมากเกี่ยวกับการใช้ความรู้ไม่ถูกทาง อุทาหรณ์เกิดขึ้นในสังคมอย่างมากมายแต่เราไม่ย้อนกลับมาดูว่ากระบวนการผลิตคนของเรามันบกพร่องตกไหน กลับโต้เถียงกันไปกันมาเท่านั้นเอง
3.ปัญหาการในการจัดการเรียนการสอนวิชาสังคมศึกษา
จากผลการวิจัยเรื่อง
ความคิดเห็นของนักเรียนชั้นประถมศึกษาที่มีต่อการจัดการเรียนการสอน วิชาสังคมศึกษาในโรงเรียน เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร
(ฉัตรกร วรรณโก,2556
: บทคัดย่อ) ผลการศึกษาปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะแนวทางการจัดการเรียนการสอนวิชาสังคมศึกษาของนักเรียนชั้นประถมศึกษาในโรงเรียนราชวินิต
เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ทั้ง 5 ด้าน พบว่า
3.1 ด้านหลักสูตร ปัญหาอุปสรรค
คือ ครูไม่มีความชัดเจนในโครงสร้างหลักสูตร การเรียนรู้และเนื้อหาหลักสูตรไม่เหมาะสมกับในยุคปัจจุบัน
ส่วนข้อเสนอแนะ คือ ครูควรปรับปรุงวิธีการสอนให้สอดคล้องกับหลักสูตรสาระการเรียนรู้ให้มากขึ้นกว่าเดิมเพื่อความเหมาะสมกับผู้เรียนและทันโลกปัจจุบันเสมอ
3.2 ด้านการเรียนการสอน ปัญหาอุปสรรค
คือ ครูเน้นการเรียนการสอนภาคทฤษฎีในห้องเรียนมากเกินไป ส่วนข้อเสนอแนะ คือ ครูควรให้ความสำคัญทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ
3.3 ด้านสื่อการเรียนการสอน ปัญหาอุปสรรค
คือ สื่อไม่ทันสมัยและไม่สอดคล้องกับเหตุการณ์ปัจจุบัน ส่วนข้อเสนอแนะ คือ ครูควรปรับปรุงสื่อการเรียนการสอนให้สอดคล้องเหมาะสมและเป็นปัจจุบันเสมอ
3.4 ด้านบรรยากาศการเรียนการสอน ปัญหาอุปสรรค
คือมีแหล่งเรียนรู้ภายในบริเวณโรงเรียนน้อยเกินไปไม่เพียงพอต่อความต้องการของนักเรียนส่วนข้อเสนอแนะ
คือ ครูควรเพิ่มแหล่งเรียนรู้ภายในโรงเรียนให้พอต่อความต้องการของผู้เรียน
3.5 ด้านการวัดผลและประเมินผล ปัญหาอุปสรรค
คือ ไม่มีเวลาพอที่ให้นักเรียนทำแบบทดสอบหลังการเรียน ส่วนข้อเสนอแนะ คือ ครูควรจัดเวลาให้เหมาะสม
นี้คือตัวอย่างปัญหาข้างต้นจากกลุ่มตัวอย่างโรงเรียนในเขตดุสิต กรุงเทพมหานครเท่านั้น สามารถสะท้อนปัญหาของการจัดการเรียนการสอนวิชาสังคมศึกษาทั่วประเทศค่อนข้างมาก เมื่อเกิดปัญหาและอุปสรรคต่างๆโดยไม่มีการแก้ไป และปัญหาเหล่านั้นถูกสะสมมาเป็นระยะเวลานานจนฝักรากลึกยากที่จะได้รับการเยียวยา จนกลายเป็นความชินชาของครูผู้สอนไปแล้ว
อีกมุมหนึ่งจะเห็นได้ว่าการทดสอบระดับชาติหรือ
O-net
วิชาสังคมศึกษา ทั่วประเทศจะมีค่าเฉลี่ยที่ต่ำมากจนน่าตกใจ ตัวอย่างเช่นคะแนน O-net ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2557 พบว่าวิชาสังคมศึกษา มีผู้เข้าสอบ 414,955 คน คะแนนเฉลี่ย
33.02 คะแนน สูงสุด 86.88 คะแนน ต่ำสุด 1.25 คะแนน สิ่งนี้เองสะท้อนให้เรารู้ว่าเราควรจัดการเรียนการสอนอย่างไรในฐานะครูสังคมศึกษา
4. การพยายามยกระดับบทบาทการสอนสังคมศึกษาในปัจจุบัน
สมัยรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ได้เร็งเห็นความสำคัญของการศึกษาและได้ร่วมกันสัมมนาหาแนวทางในการพัฒนาพลเมือง ที่ผ่านมาสังคมไทยมีปัญหาเกิดขึ้นจำนวนมาก
และส่วนหนึ่งก็มีเด็กและเยาวชนเข้าไปมาส่วนเกี่ยวข้อง เพราะฉะนั้นบทบาทของครู อาจารย์
โดยเฉพาะครูสังคมถือว่ามีส่วนสำคัญอย่างมากในการแก้ไขปัญหา ซึ่งนโยบายที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการทุ่มเท
พัฒนาระบบการศึกษาให้ดำเนินการไปได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพ เพราะรัฐบาลเชื่อว่าการพัฒนาประเทศที่ดีที่สุด
คือการพัฒนาคน การลงทุน ในการศึกษาถือเป็นการสร้างคนที่คุ้มค่ามากที่สุด
ฯพณฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีสมัยนั้น กล่าวว่า “ในการปฎิรูปการศึกษาทศวรรษที่
2รัฐบาลไม่ได้มุ่งเน้นเฉพาะสร้างคนเก่งเพียงอย่างเดียว แต่ยังมุ่งการสร้างคนดี มีความสามารถ
และอยู่ร่วมในสังคมได้อย่างมีความสุข โดยรัฐบาลพยายามส่งเสริมเรื่องของคุณธรรมจริยธรรม
ดังนั้น เป้าหมายในการสร้างพลเมืองดี อยากให้ครูสังคมมอง 3 ประเด็นหลักได้แก่
1.ส่งเสริมให้เด็กเป็นคนเก่ง ที่สามารถแข่งขันและดูแลตัวเองในระบบการศึกษาได้
ไม่ใช่รู้จักแต่การแข่งขันเพื่อตัวเองเพียงอย่างเดียว ซึ่งการแข่งขันเพื่อตัวเอง ไม่ใช่เรื่องที่ผิด
แต่ต้องทำให้เด็กสามารถเข้าใจว่าการแข่งขันไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต ไม่ได้มีเฉพาะแพ้
ชนะ แต่ยังต้องมีความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ ซึ่งครูสังคมจะต้องทำให้พวกเขาตระหนักว่าไม่ใช่สามารถอยู่คนเดียวในโลก
ใช้ชีวิตตามลำพังได้ แต่ต้องอยู่ร่วมในสังคม ชุมชน เป็นส่วนหนึ่งของประเทศของโลก เช่น
สอนประวัติศาสตร์ ให้เยาวชนได้เข้าใจรากเหง้า ของตนเอง รักชาติ รักสังคม และรักการอยู่ร่วมกัน
เพื่อให้พวกเขาตระหนักถึงความเป็นมา เป็นต้น
2.การปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม เรื่องนี้มีการพูดถึงตลอด
ซึ่งตนมองว่าการสร้างจิตสำนึกแก่เด็กและเยาวชนการสอนที่ได้ผลดีที่สุด คือการเรียนรู้จากการปฎิบัติ
การทำกิจกรรม ดังนั้น ครูสังคมต้องรู้จักกระบวนการสอนที่ปลูกฝังให้เด็กสามารถแยกแยะว่าสิ่งไหนดีสิ่งไหนไม่ดี
ไม่ใช่เพียงแต่บอกให้รับรู้เท่านั้น เพราะที่ผ่านมา การสอนว่าอะไรดี ไม่ดี เด็กเคยผ่านการเรียนการรับรู้มาหมด
แต่เมื่อนำไปสู่การปฏิบัติ กลับไม่สามารถนำมาเชื่อมโยงได้
จึงอยากให้ครูทุกคนปรับปรุงกระบวนการสอน และเพิ่มรูปแบบการเรียนรู้นอกห้องเรียนมากขึ้น
3.ครูสังคมต้องเท่าทันข่าวสาร การเปลี่ยนแปลงสื่อสารมวลชน
เพราะตอนนี้คงกล่าวได้ว่าสื่อมวลชน มีอิทธิพลต่อเด็กอย่างมาก ทั้งอินเตอร์เน็ต โทรทัศน์
ดังนั้น นอกจากถ่ายทอดหรือสอนแล้ว ต้องคิดต่อไปว่าจะสร้างทักษะให้เยาวชนมีความพร้อม
เท่าทัน และสามารถในการใช้สื่ออย่างชาญฉลาด และสร้างสรรค์ได้อย่างไร
ปัจจุบันสมัยรัฐบาล พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา ได้มีนโยบายให้ความสำคัญกับการศึกษาโดยการเน้นวิชาหน้าที่พลเมือง และวิชาประวัติศาสตร์ และออกค่านิยม 12 ประการให้ทุกคนนำไปปฏิบัติ ทำให้ครูสังคมศึกษา มีบทบาทในการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว และมีบทบาทอย่างมากในสังคมปัจจุบันถือเป็นยุคทอง ของครูสังคมศึกษาก็ว่าได้
5. การจัดการเรียนรู้ของครูสังคมศึกษาในศตวรรษที่ 21
การเตรียมนักเรียนให้พร้อมกับชีวิตในศตวรรษที่
21 เป็นเรื่องสำคัญของกระแสการปรับเปลี่ยนทางสังคมที่เกิดขึ้นในศตวรรษที่
21 ส่งผลต่อวิถีการดำรงชีพของสังคมอย่างทั่วถึง ครูจึงต้องมีความตื่นตัวและเตรียมพร้อมในการจัดการเรียนรู้เพื่อเตรียมความพร้อมให้นักเรียนมีทักษะสำหรับการออกไปดำรงชีวิตในโลกในศตวรรษที่
21 ที่เปลี่ยนไปจากศตวรรษที่ 20 และ 19
โดยทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ที่สำคัญที่สุด คือ ทักษะการเรียนรู้
(Learning Skill) ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงการจัดการเรียนรู้เพื่อให้เด็กในศตวรรษที่
21 นี้ มีความรู้
ความสามารถ และทักษะจำเป็น ซึ่งเป็นผลจากการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงรูปแบบการจัดการเรียน การสอน ตลอดจนการเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ
(ทักษะการเรียนรู้แห่งศตวรรษที่ 21, 2557 : ออนไลน์)
ดังนั้นแล้วครูสังคมศึกษาจึงต้องเตรียมพร้อมในเรื่องของการอบรม
แลกเปลี่ยน และสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ และการพัฒนาตนเองในเรื่องไอซีที เพื่อการพัฒนากระบวนการสอน
เพื่อถ่ายทอดความรู้แก่ศิษย์ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
เมื่อครูสังคมศึกษามีความพร้อมแล้วการจัดการเรียนแก่นักเรียนบทบาทของครูสังคมศึกษาในศตวรรษที่
21
ที่พึงมีดังต่อไปนี้
1) การตั้งคำถาม เพื่อช่วยให้ศิษย์กำหนดรู้เป้าหมายและคิดได้ด้วยตนเอง
2) สอนให้เด็กหาความรู้ได้ด้วยตัวเองและด้วยการลงมือปฏิบัติ
3) สอนการคัดเลือกความรู้ ตามสภาพแวดล้อมจริง
4) สร้างความรู้ ใช้เกณฑ์การทดสอบและตรวจสอบความถูกต้องอย่างไร
เพื่อทำให้ศิษย์เกิดความเข้าใจอย่างชัดแจ้ง
5) ให้ศิษย์คิดเป็น หรือตกผลึกทางความคิด
6) ฝึกให้เด็กได้นำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
7) การประเมินผลโดยชิ้นงาน
บทบาทในการจัดการเรียนการสอนดังกล่าวควร
ควรเป็นการเรียนจากการค้นคว้าเองของศิษย์ โดยครูช่วยแนะนำ และช่วยออกแบบกิจกรรมที่ช่วยให้นักเรียนแต่ละคนสามารถประเมินความก้าวหน้าของการเรียนรู้ของตนเองได้
จึงจะทำให้ศิษย์หรือนักเรียนสามารถดำรงชีวิตในยุคของการแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
6. บทสรุป
จากหลายๆประเด็นที่ผ่านมาผู้เขียนได้พยายามให้เห็นสภาพที่เป็นจริงของครูสังคมไทย ผ่านการวิเคราะห์สังเคราะห์ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลทางวิชาการทั้งนั้น
โดยสมัยก่อนครูได้รับการยกย่องจากสังคมเป็นอย่างยิ่งเพราะครูเป็นผู้มีความรู้
คนไม่เก่งและไม่ดี ไม่สามารถที่จะเป็นครูได้ ปัจจุบันครูมีจำนวนมากขึ้น
และครูบางคนมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ทำให้สังคมมีการลดค่าครูลง
ประกอบกับการสร้างค่านิยมที่ไม่ดีของเพื่อนครูด้วยกันก็ดี
ผู้ปกครองก็ดีในการมองวิชาสังคมศึกษาเป็นวิชาที่ไม่มีความสำคัญมีแต่คนไม่เก่งเท่านั้นที่ชอบเรียน
จึงทำให้นักเรียนไม่สนใจเพราะจะถูกมองว่าตัวเองเรียนไม่เก่ง
ประกอบกับการวางคนไม่ถูกที่ให้ครูที่จบวิชาเอกอื่นมาสอนสังคมศึกษา
จึงทำให้ครูไม่เข้าใจแก่นแท้ ของวิชาสังคมศึกษาถ่ายทอดสู่นักเรียนได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพไม่สามารถให้นักเรียนซึมซับความเป็นตัวตนของท้องถิ่น
ความเป็นผู้มีคุณธรรม เสียสละได้
และแทนที่สถานศึกษาจะเป็นผู้ผลิตคนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์กลับกลายเป็นผลิตโจรที่สมบูรณ์ชะเอง
ก็ด้วยค่านิยมที่ผิดๆจึงทำให้คนเก่งกลายเป็นโจรเพราะไร้ซึ่งคุณธรรมตั้งแต่แรกเริ่มนั่นคือในสถานศึกษาแล้ว
เพราะผู้ใหญ่ไม่เห็นความสำคัญของวิชาสังคมศึกษานี้เอง
ในยุคปัจจุบันรัฐบาลมีความพยายามที่จะสร้างคนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์
คือการเป็นคนเก่งมีความรู้ การเป็นคนดีที่มีจิตสาธารณะ เสียสละเพื่อส่วนรวม
และการเป็นคนที่มีความสุขในการดำเนินชีวิตในสังคม ซึ่งครูสังคมศึกษามีบทบาทอย่างมากในการที่จะขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวผ่านการสอนวิชาประวัติศาสตร์
หน้าที่พลเมือง และวิชาสังคมศึกษา
พร้อมกับการเตรียมความพร้อมเข้าสู่การจัดการเรียนการสอนวิชาสังคมศึกษาในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นี้เป็นมุมมองหนึ่งจากนักศึกษาว่าที่คุณครูสังคมศึกษาในอนาคตที่สะท้อนภาพของครูสังคมศึกษา จากอดีต จนถึงปัจจุบัน และอนาคต
ต้องขอขอบพระคุณท่าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชมพูนุท วราศิระ เป็นอย่างสูงที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาตัวน้อยๆคนหนึ่งได้แสดงความคิดเห็นผ่านการเขียนบทความ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ทางผู้เขียนก็ขออภัยมา
ณ โอกาสนี้
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
ครูควรสอนเด็กอย่างไรในศตวรรษที่
21. (ม.ป.ป.). สืบค้นเมื่อ 1 มีนาคม 2558,
จาก
http://www.jsfutureclassroom.com/news_detail.php?nid=298
จีราวุฒ
ก๊กใหญ่. (2557). ครู. สืบค้นเมื่อ 1 มีนาคม 2558, จาก
https://sites.google.com/site/krutubtib/khru/khwam-sakhay-khxng-khru
ฉัตรกร วรรณโก.
(2556). ความคิดเห็นของนักเรียนชั้นประถมศึกษาที่มีต่อการจัดการเรียนการสอน
วิชาสังคมศึกษาในโรงเรียน เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ธนพัชร์ ตุลาธร. (2555). เด็กแนวยุคใหม่กับวิชาสังคม,
สืบค้นเมื่อ 1 มีนาคม
2558, จาก
http://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=51
ทักษะการเรียนรู้แห่งศตวรรษที่
21. (มิถุนายน,2557). สืบค้นเมื่อ 1 มีนาคม 2558,
จาก
http://www.vcharkarn.com/varticle/60454
ภณิดา มาประเสริฐและ สุมนทิพย บุญสมบัติ. (2552). การพัฒนาชุดฝกอบรมทางไกลเพื่อพัฒนา สมรรถนะ ครูดานการจัดการเรียนการสอนในวิชาสังคมศึกษา เรื่อง การพัฒนาสมรรถนะครู ด้านการสอนวิชาสังคมศึกษา. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
วิจารณ์
พานิช. (2555). การพัฒนาครูในศตวรรษที่ ๒๑. สืบค้นเมื่อ 1 มีนาคม
2558, จาก
http://lripsm.wix.com/21st#!-21/c6he
สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน.
(ม.ป.ป.). ยุทธการเปลี่ยน ‘ครูเฉย’
สู่ครูยุคศตวรรษที่ 21. สืบค้นเมื่อ 1 มีนาคม 2558,
จาก
http://seminar.qlf.or.th/Seminar/Topic/29