หลังจากเรียนมาอย่างหนักก็ถึงวันหยุดสักที (ปัจจุบันผู้เขียนเรียนอยู่ปี 3 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย) วันนี้คิดว่าอยากจะไปค้างคืนและดูธรรมชาติ ดูดาวสวยๆ และที่สำคัญได้ไปโต้ลมหนาวสักที (อยู่หอพักก็หนาวเต็มทน) ผู้เขียนเลยเลือกไปที่ภูสวนทราย อำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย เพราะเป็นสถานที่ศึกษาธรรมชาติ และประวัติศาสตร์ร่วมสมัยของไทย เราด้วย
การเดินทางก็ไม่ไกลนัก ร้อยห้าสิบกว่ากิโลเมตร จากมหาวิทยาลัยราชภัฏเลย ถึงที่ทำการอุทยาน เส้นทางลำบากมาก โค้งหักศอกลงเขา ตรงก่อนเข้าตำบลนามาล อำเภอนาแห้ว (รู้แ้ล้วละว่าทำไมถึงเป็นพื้นที่สีแดงในสมัยก่อนเพราะทางการเข้าถึงได้อยากนี้เอง)
(คนในภาพไม่ใช่ผู้เขียนนะครับ)
เมื่อมาถึงที่ทำการอุยานแห่งชาติภูสวนทราย ก็ได้มีการหาที่พักแรมสำหรับกางเต็นท์นอนคืนนี้ แต่เลือกมาหลายที่ไม่ถูกใจสักที่ แต่สุดท้ายก็ได้ที่พักผ่อนสำหรับคืนนี้สักที อยู่ไม่ห่างจากร้านค้าสวัสดิการและห้องน้ำเท่าไหร่เลยเลือกตำแหน่งนี้
เมื่อได้ที่พักสำหรับคืนนี้แล้ว ก็ได้เดินชมธรรมชาติสวยๆบนอุทยาน (ผู้เขียนไม่ได้ขึ้นไปพักที่เนิน ๑๔๒๘ ที่เป็นจุดกลางเต็นท์ที่สูงที่สุดในอีสาน) เพราะต้องขึ้นเขาอีก ๕ กิโลเมตร และผู้เขียนก็มาถึงเกือบจะค่ำ
(ผังอุทยานแห่งชาติภูสวนทราย)
บรรยากาศบนอุทยาน เหมาะสำำหรับพาครอบครัว ผู้สูงอายุมาสูดบรรยากาศแห่งธรรมชาติ หนีจากความวุ่นวายของเมือง ควันรถ มลพิษทางอากาศ เพราะว่ารถยนต์สามารถนไขึ้นมาจนถึงจุดพักแรมได้เลย (ยกเว้นเนิน ๑๔๐๘) เชื่อกันว่าหากใครได้มียลที่นี้ ปีละครั้งถือเป็นกำไรชีวิตก็เป็นไปได้ หรือเคยได้ยินว่า "พักเขาค้อหนึ่งคืน อายุยืนหนึ่งปี" ที่นี่ก็ไม่ต่างจากเขาค้อเหมือนกันเพราะอากาศเย็นมาก ใครที่จะมาตามผู้เขียนกรุณานำผ้าห่มมาเยอะๆด้วยนะครับ
ภาพข้างบนนี้เองเป็นจุดกางเต็นท์ที่สูงที่สุดในอีสาน หรือ เนิน ๑๔๐๘ หอตรวจการณ์สมรภูมิบ้านร่มเกล้า ในพ.ศ.๒๕๓๑ ซึ่งมีความสำคัญในกาีรปฏิบัติการโจมตีฝ่ายตรงข้าม ที่เนิน ๑๔๒๘ ซึ่งเป็นฐานทัพสำคัญของฝ่ายตรงข้ามอีกด้วย
หลังจากค้างคืนเรียบร้อยแล้ว ทางผู้เขียนก็ได้ตะเวนเที่ยวในอุทยานแห่งนี้จนเกือบครบทุกที่ และแวะเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆขากลับ ตามเส้นทาง นาแห้ว-ด่านซ้าย และด่านซ้าย-เลย จนมาถึงที่พักก็เหนื่อยมาก เพราะพรุ่งนี้มีเรียน ไว้โอกาสหน้าจะมาเล่าประสบการณ์ให้ฟังต่อนะครับ
0 ความคิดเห็น