สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่านด้วยความเคารพเป็นอย่างสูง หลังจากที่เว้นว่างจากการเขียนบทความไปเสียนาน หวังว่าท่านผู้อ่านคงคิดถึงกันอยู่บ้างนะครับ วันนี้ขอนำเรื่องราวของอำเภอปากชมมาเล่าสู่ท่านผู้อ่านฟังนะครับ อำเภอปากชมเป็นอำเภอเล็กๆ ของจังหวัดเลย ซึ่งหลายท่านอาจจะยังไม่รู้จัก อำเภอปากชมแห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงตรงกันข้มมกับสปป.ลาว เป็นอำเภอเงียบๆ แต่ไม่เงียบด้านประเพณี วัฒนธรรม เพราะมีกิจกรรมต่างๆที่เปิดโอกาสให้คนในพื้นที่ทำกิจกรรมร่วมกันอยู่ตลอดทั้งปีเลยทีเดียว
วันนี้ผมได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมกับพี่น้องทางอำเภอปากชม ซึ่งกิจกรรมในช่วงเดือนมิถุนายน หลังจากเสร็จงานประเพณีบุญปั้งไฟแล้ว คงหนีไม่พ้นฤดูกาล "เก็บแมงกีนูนยักษ์ ริมฝั่งแม่น้ำโขง" ซึ่งพบเห็นได้ในพื้นที่อำเภอปากชม ตั้งแต่บ้านห้วยขอบห้วยเหียม มาปากเนียม สงาว ไล่ยาวไปถึงคกไผ่ หาดเบี้ยและบางส่วนของอำเภอเชียงคาน เช่น ห้วยซวก คกเหลาเหนือใต้
การเก็บแมงกีนูนยักษ์นั้นต้องมีการลงทุนพอสมควรทั้งหลอดไฟ อุปกรณ์ต่าง และอาศัยความอดทนเป็นอย่างสูง ทั้งนี้ยังต้องใช้เทคนิคการสะท้อแสงให้แมงกีนูนยักษ์ที่วางไข่ตรงเกาะดินดอนกลางแม่น้ำโขงได้มองเห็นแสง ชาวบ้านได้ใช้แสงไฟสองสี โดยสีบนเป็นสีม่าวงสะท้อนแสงคล้ายกับไฟงานหมอลำซิ่ง ส่วนด้านล่างใช้ไฟแสงสีขาว เมื่อถึงเวลา 19.00 น. - 20.00 น. ก็เป็นเวลาของกีนูนยักษ์ที่บินเข้าหาหลอดไฟ ต่างคนต่างเก็บได้เป็นจำนวนมาก สิ่งสำคัญคือต้องอาศัยดวงอีกด้วยว่าแมงกีนูนยักษ์จะบินเข้าหลอดไฟฟ้าของใครก่อนเพราะคนมาเก็บก็มีจำนวนมากเหมือนกับเจ้าแมงกีนูนยักษ์เลยทีเดียว ยิ่งแมงเยอะคนก็เยอะเป็นธรรมดา
กิจกรรมเก็บแมงกีนูนยักษ์ในครั้งนี้ มีทั้งลูกเล็กเด็กแดงไปจนถึงวัยรุ่นวัยทำงานตลอกจนวัยเกษียณก็มี นำรายได้มาสู่ชุมชน โดยแมงกีนูนย์ยักษ์แต่ละตัวเฉลี่ยอยู่ที่ 1.5 -2.5 บาทต่อตัว บางคนเก็บได้มากกว่าวันละ 2,000 ตัวก็มี ถือว่าเป็นการสร้างรายได้ของคนในชุมชนไปในตัว
สำหรับใครที่ยังไม่เคยมาเก็บหรือไม่เคยลิ้มลองรสชาติของแมงกีนูนย์ยักษ์ ถ้ามีโอกาสเดินทางมาเที่ยวจังหวัดเลย ท่านสามารถแวะมาหาที่ชิมได้ที่อำเภอปากชม แต่ถ้าเลยช่วงเดือน มิถุนยน ไปแล้วต้องรออีกปีหน้านะครับ ที่ก็คือเรื่องราวดีๆเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของอำเภอปากชมที่ได้นำมาบอกกล่าวให้กับท่านผู้อ่านได้ทราบ โอกาสหน้าจะเป็นเรื่องราวใด โปรดติดตามนะครับ