แหล่งมรดกโลกในประเทศไทย World Heritage Site

 


    แหล่งมรดกโลก หรือ World Heritage Site เป็น พื้นที่ที่ได้รับจากขึ้นทะเบียนจาก ยูเนสโก (UNESCO) ซึ่งก็คือ องค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization) เป็นสถานที่ซึ่งถือว่าสำคัญต่อประโยชน์โดยรวมของมนุษยชาติ และได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายตามสนธิสัญญา โดยจะมีคณะกรรมการ และหลักเกณฑ์ต่างๆ ในการคัดเลือกว่า พื้นที่นั้นๆ มีความเหมาะสม ในการพิจารณาให้เป็น “แหล่งมรดกโลก” 


      สำหรับประเทศไทย องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้ขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกของประเทศไทยทั้งสิ้น 7 รายการ ประกอบด้วยแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม 4 รายการ และแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ 3 รายการ ดังนี้

แหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม


      กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีแห่งที่สองของชาวสยามต่อจากกรุงสุโขทัย ถูกทำลายโดยกองทัพพม่าในคริสต์ศตวรรษที่ 18 ซากปรักหักพังสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ เช่น ปรางค์ และอารามขนาดใหญ่แสดงถึงความงดงามและความเจริญรุ่งเรืองในอดีต


    กรุงสุโขทัยเป็นราชธานีแห่งแรกของชาวสยามในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 13 และ 14 สิ่งก่อสร้างจำนวนมากแสดงถึงจุดเริ่มต้นของสถาปัตยกรรมไทย อารยธรรมอันยิ่งใหญ่ได้พัฒนาขึ้นในอาณาจักรสุโขทัยผ่านการซึมซับอิทธิพลและประเพณีท้องถิ่นโบราณไว้มากมาย การผสมผสานอย่างรวดเร็วขององค์ประกอบเหล่านี้ ก่อให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า 'รูปแบบสุโขทัย'

    บ้านเชียงถือเป็นที่ตั้งถิ่นฐานยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งเท่าที่มีการค้นพบในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แสดงให้เห็นถึงก้าวสำคัญของวิวัฒนาการทางวัฒนธรรมสังคมและเทคโนโลยีของมนุษย์ แหล่งมรดกนี้ได้แสดงหลักฐานที่เก่าแก่ที่สุดของ การเกษตร การผลิต และการใช้โลหะ ในภูมิภาค

    ประกอบด้วย สามพื้นที่สำคัญของวัฒนธรรมทวารวดีในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 6-10 ได้แก่ 1. เมืองใน (เมืองชั้นใน) และเมืองนอก (เมืองขั้นนอก) ที่ล้อมรอบด้วยคูน้ำ 2. โบราณสถานเขาคลังนอก อนุสรณ์สถานสมัยทวารวดีที่ใหญ่ที่สุดที่ยังหลงเหลืออยู่ และ 3. ถ้ำเขาถมอรัตน์ อารามถ้ำของศาสนาพุทธนิกายมหายานที่แสดงให้เห็นถึงตัวอย่างศิลปะและปฏิมากรรมสมัยทวารวดีที่สำคัญ

แหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ


    พื้นที่มากกว่า 600,000 เฮกตาร์ ตามแนวชายแดนกับประเทศพม่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซึ่งค่อนข้างสมบูรณ์ ประกอบด้วยผืนป่าเกือบทุกประเภทที่มีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นบ้านของสัตว์หลากหลายชนิด ซึ่งรวมถึง 77% ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ (โดยเฉพาะช้างและเสือโคร่ง) 50% ของนกขนาดใหญ่ และ 33% ของสัตว์มีกระดูกสันหลังบกที่พบในภูมิภาคนี้


    กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ มีความยาว 230 กม. ระหว่างอุทยานแห่งชาติตาพระยาติดชายแดนกับประเทศกัมพูชาทางทิศตะวันออก และอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ทางทิศตะวันตก พื้นที่แห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์กว่า 800 ชนิด ได้แก่ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจำนวน 112 สายพันธุ์ (ในจำนวนนี้มีชะนีสองสายพันธุ์) สัตว์ชนิดนก 392 สายพันธุ์ สัตว์เลื้อยคลานและสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกกว่า 200 สายพันธุ์ การอนุรักษ์สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์ปีก และสัตว์เลื้อยคลานที่ทั่วโลกกำลังคุกคามและเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มีความสำคัญในระดับนานาชาติ โดยในจำนวนนี้มี 19 สายพันธุ์ ที่มีความเสี่ยง 4 สายพันธุ์ที่เสี่ยงมาก และ 1 สายพันธุ์ที่เสี่ยงขั้นวิกฤต พื้นที่ดังกล่าวมีระบบนิเวศป่าดิบชื้นที่สำคัญและอุดมสมบูรณ์ซึ่งสามารถเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยเพื่อการอยู่รอดในระยะยาวของสัตว์สายพันธุ์เหล่านี้

    แหล่งมรดกนี้ตั้งอยู่ตามแนวเทือกเขาตะนาวศรีด้านประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสันเขาหินแกรนิตและหินปูนในแนวเหนือ-ใต้ลงสู่คาบสมุทรมลายู ตั้งอยู่ที่ทางแยกระหว่างเทือกเขาหิมาลัย อินโดจีน และเกาะสุมาตรา เป็นดินแดนแห่งสัตว์และดอกไม้ สถานที่แห่งนี้มีความหลากหลายทางชีวภาพมากมาย ทั้งป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง ป่าดิบชื้น ป่าดิบเขา และป่าเต็งรัง มีรายงานพันธุ์พืชและสัตว์ป่าเฉพาะถิ่นและที่ใกล้สูญพันธุ์ทั่วโลกในพื้นที่นี้ ซึ่งทับซ้อนกับพื้นที่นกสำคัญ 2 แห่ง และขึ้นชื่อว่ามีนกหลากหลายชนิด รวมถึงสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ทั่วโลก 8 ชนิด สถานที่แห่งนี้เป็นที่อยู่ของจระเข้สยาม หมาใน วัวแดง ช้างเอเชีย เต่าเหลือง และเต่าหก รวมทั้งสัตว์อีกหลายชนิด นกและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมสายพันธุ์อื่นที่อ่อนแอ ที่พิเศษคือที่นี่ยังเป็นที่อยู่ของแมว 8 สายพันธุ์ ได้แก่ เสือโคร่ง เสือปลา เสือดาว เสือไฟ เสือลายเมฆ แมวลายหินอ่อน แมวป่า และแมวดาว

ที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/

แสดงความคิดเห็น

ใหม่กว่า เก่ากว่า