ระบบแมเนอร์ (The Manorial System)

    แมนเนอร์มีมาตั้งแต่สมัยโรมันเรืองอำนาจเรื่อยมาจนถึงยุค แองโกล - แซกซอน ในอังกฤษและแพรหลายไปอย่างกว้างขวางในตอนปลายของสมัยกลาง โดยในแมนเนอร์หนึ่งๆ ประกอบด้วย หมู่บ้านมีปราสาทคฤหาสน์และวังสำหรับขุนนางและกษัตริย์ และมีที่ดินเพื่อการเพาะปลูก ปศุสัตว์ และป่าไม้ การเกษตรถือว่าเป็นกิจกรรมที่สำคัญที่สุด และผู้ที่อาศัยในแมนเนอร์ประกอบด้วยชนชั้นขุนนาง ชนชั้นไพร่ ชนชั้นทาส และชนชั้นอื่น

    คำว่า “Manor” หมายถึง ปราสาท หมู่บ้าน และเนื้อที่ดินเป็นของลอร์ดทั้งหมด เป็นสถานที่ซึ่งลอร์ดและครอบครัว คนรับใช้ ทหารและเซอร์ฟของตนดำรงอยู่ดังสภาบของแมเนอร์ในฝรั่งเศสที่จะกล่าวต่อไปนี้ มีลักษณะเหมือนแมเนอร์ในส่วนต่างๆของยุโรป นั้นคือ มีปราสาทของลอร์ดอยู่กลาง ล้อมรอบด้วยกระท่อมของชาวนารวมกันเป็นหมู่บ้าน ซึ่งมีทั้งโรงสี โรงตีเหล็ก วัดเล็กๆ และบ้านสำหรับพระประจำหมู่บ้าน รอบนอกของหมู่บ้านก็คือ ทุ่มโล่งสำหรับการเกษตร ทุ่งหญ้าและป่าไม้ เนื้อที่ใช้เพาะปลูก 1 ใน 3 จะถูกกันไว้สำหรับลอร์ด อาจจะรวมอยู่ในเนื้อที่เดียวกัน หรือกระจายกันอยู่ตามส่วนต่างๆของแมเนอร์ก็ได้ ส่วนที่ดินที่เหลือก็จะจำแนกแจกจ่ายกันระหว่างชาวนาในหมู่บ้าน สำหรับทุ่งหญ้า และเนื้อที่ว่างเปล่าอื่นๆรวมทั้งบริเวณป่าไม้ก็จะถือเป็นที่ดินส่วนกลางที่ลอร์ดหรือชาวนาจะใช้ก็ได้

ภาพแสดงตัวอย่างแมเนอร์

    อย่างไรก็ดี ในบางครั้งก็อาจจะมีความสับสนกันบ้าง เกี่ยวกับสถาบันหลักทั้งสองในสมัยกลาง คือ ระหว่างคำว่า “Village” และ “Manor” ซึ่งจะอธิบายในที่นี้ว่า “Village”หรือหมู่บ้านก็คือ หน่วยพื้นฐานเศรษฐกิจของชาวนา ประกอบด้วยกลุ่มก้อนประชากรเริ่มตั้งแต่จำนวน 12 คนขึ้นไป จนกระทั่งถึงครอบครัวชาวนาจำนวนหลายๆร้อยที่อาศัยอยู่รวมกัน บางกลุ่มจะมีคนยากจนกว่าหรืออาจเป็นหมู่ที่แยกอยู่อย่างโดดเดี่ยว อาศัยอยู่ในฟาร์มที่แยกเป็นส่วนๆ หรือเป็นหมู่บ้านเล็กๆก็ได้ เราถือว่าการดำรงชีวิตแบบหมู่บ้านคือการดำเนินชีวิตแบบปกติที่สุดของเกษตรกรรมในสมัยกลาง

    สำหรับ “Manor” นั้นเป็นหน่วยประดิษฐ์ กล่าวคือเป็นการรวมหน่วยอรรถคดีและแสวงหาความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ที่ควบคุมโดยลอร์ดเพียงผู้เดียว ลอร์ดอาจเป็นกษัตริย์ เป็นดุ๊ค หรือเค้านท์ เป็นบิชอป หรือเป็นเจ้าวัด หรือไม่ก็เป็นบารอนชั้นผู้ใหญ่ อาจจะมีแมเนอร์ภายใต้การปกครองที่มีขนาดใหญ่มาก หรืออาจจะเป็นเพียงอัศวินธรรมดาๆ ซึ่งมีแมเนอร์ขนาดเล็ก 2-3 แห่ง คำว่าแมเนอร์ในบางครั้งก็อาจถูกนำไปใช้ในความหมายเดียวกับ “Village” ทั้งๆที่บางครั้งแมนเนอร์นั้นอาจจะประกอบด้วยหมู่บ้านสองสามหมู่บ้านหรือมากกว่านั้น และในบางโอกาส “Village” ก็อาจจะถูกแบ่งออกเป็นแมเนอร์สองเมเนอร์หรือมากกว่านั้น อย่างไรก็ดี ระบบเกษตรกรรมประจำวันจะขึ้นอยู่กับระบบการบริหารในหมู่บ้าน

ลักษณะทั่วไปของแมนเนอร์

     ระบบแมนเนอร์ถ้าจะนับแล้วมีมาแต่สมัยจักรวรรดิโรมันเรืองอำนาจในยุโรป และได้เจริญเติบโตและขยายไปยังที่อื่น ๆ ในเวลาต่อมา เช่นไปยังประเทศอังกฤษในสมัยแองโกล-แซกซอน และสมัยกษัตริย์นอร์แมนในกลางศตวรรษที่ 11 ในระบบแมนเนอร์ถือว่าการเกษตรเป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญที่สุด เพราะต้องอาศัยผลิตผลจากการเกษตรเพื่อเป็นอาหารของทุกคนในแมนเนอร์

ผู้ที่อาศัยอยู่ในแมนเนอร์หนึ่ง ๆ มักประกอบด้วย

  1. ชนชั้นขุนนางหรือเจ้าของแมนเนอร์
  2. ชนชั้นไพร่ซึ่งแยกออกเป็น ชนชั้นวิเลนส์และชนชั้นคอททาร์
  3. ชนชั้นทาส
  4. ชนชั้นอื่น ๆ เช่น เสรีชน ทาส ชาวเมือง และเจ้าหน้าที่บ้านเมือง มักเป็นผู้ที่เข้ามาอาศัยอยู่เป็นครั้งคราวในแมนเนอร์นั้น ๆ เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ กัน
การเพาะปลูกในแมนเนอร์
    วิธีการเพราะปลูกในระบบแมนเนอร์มักแบ่งออกเป็น 2 วิธี

    1.ระบบทุ่งนาเปิดโล่ง (Open Field System)
          มีลักษณะไม่เหมือนการทำไร่สมัยใหม่ กล่าวคือไร่ในสมัยกลางจะไม่มีการกั้นรั้วที่ดินของแมเนอร์เปิดโล่งตลอด แบ่งที่ดินออกเป็นแถบๆ ให้กับชาวนาแต่ละคนโดยจัดให้ได้ทั้งเนื้อที่นาที่ดี และนาที่ไม่ดีเท่าๆกัน แต่ละแถบกั้นแบ่งโดยมีการปลูกหญ้าเป็นแนวกั้นเท่านั้น

    2.ระบบทรีฟีลด์ (Tee Field System)
          ทุ่งนาจะถูกตัดแบ่งเป็นสามส่วน คือ

  1. กั้นไว้สำหรับปลูกข้าวอ็ค ข้าวบาเลย์ และถั่วในฤดูใบไม้ผลิ
  2. สำหรับปลูกข้าวสาลีหรือไรย์ในฤดูใบไม้ร่วง
  3. เว้นว่างไว้เพื่อสะสมปุ๋ยในดิน การปลูกพืชจะหมุนเวียนไปแต่ละปี ซึ่งจะช่วยให้ดินแต่ละผืนมีโอกาสว่างการเพาะปลูกครั้งหนึ่งในสามปี ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้ดินมีสภาพสมบูรณ์อยู่ได้นาน

หน้าที่ของชาวนา

  1. ไปทำนาในเนื้อที่นาของลอร์ดประมาณอาทิตย์ละ 3 วัน
  2. แบ่งผลิตผลประมาณครึ่งหนึ่งให้แก่ลอร์ด
  3. จ่ายเงินให้โรงสีและเตาปิ้งขนมปังของลอร์ด

     ชาวนาส่วนใหญ่ก็จะปลูกกระท่อมบนที่ดินผืนเล็กๆ ซึ่งอาจจะใช้ปลูกผัก และเลี้ยงสัตว์เช่น ไก่และห่านได้ เครื่องมือก็มีคราด คันไถ หอกหรือขวาน  บ้านปลูกอย่างหยาบๆ มีแสงสว่างเพียงเล็กน้อย ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในนา มีพืชผลสะสมไว้กินได้นานวัน แต่อย่างไรก็ดีในบางครั้งชาวนาเหล่านี้ต้องเผชิญกับความอดอยากและโรคระบาดด้วย
     สำหรับพวกเซอร์ฟนั้นไม่จัดว่าเป็นเสรีชนหรือทาสโดยตรง ที่ว่าไม่เหมือนทาสก็เพราะว่าซื้อขายไม่ได้ และจะต้องได้รับความคุ้มครองและความยุติธรรมจากลอร์ด ถึงกระนั้นก็ไม่จัดว่าเป็นเสรีชน เพราะไม่สามารถออกจากพื้นที่นาของตนได้ และมีหน้าที่ผูกพันโดยตรงกับลอร์ด


เรียบเรียงจาก

https://www.baanjomyut.com/library_2/history_of_economic_doctrines/04.html

http://202.44.68.33/library/contest2552/type2/social04/18/middleages/manor_system_i.html

https://www.studentsofhistory.com/the-manor-system

https://www.thinglink.com/scene/576748820310786048

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น