รายที่ ๑-๑๒๖/๒๕๕๓ ชื่อ นายวุฒิ ตําแหน่งครู สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษา กระทําผิดวินัยในเรื่อง มีพฤติการณ์แสดงออกเชิงชู้สาวต่อหญิงอื่นที่มิใช่ภริยาตนและเป็นหญิงที่มีสามี แล้ว ด้วยวาจาทั้งทางโทรศัพท์และอยู่เฉพาะหน้า จนถูกดําเนินคดีอาญาแต่พนักงานอัยการ มีคําสั่งเด็ดขาด ไม่ฟ้อง เนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอที่จะฟังได้ว่านายวุฒิข่มขืนกระทําชําเราหญิงอื่นที่มิใช่ภริยาตน
ข้อเท็จจริงได้ความว่า นายวุฒิและนางมัย มีความสนิทสนมกันเป็นพิเศษเกินกว่าการเป็นเพื่อน ร่วมงาน โดยนายวุฒิมีพฤติกรรมที่ไปมาหาสู่นางมัย เข้าออกบ้านพักนางมัยอย่างถือวิสาสะ ทั้งกลางวันและ กลางคืน โดยไม่คํานึงถึงความเหมาะสมและสายตาของชาวบ้าน ทั้ง ๆ ที่รู้ว่านางมัย มีสามีโดยชอบด้วย กฎหมายอยู่แล้ว โดยเฉพาะในวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๐ นายวุฒิได้ไปหานางมัย ที่บ้านพักในยามวิกาล พยายามจะเข้าไปในบ้านให้ได้จนเกิดการยื้อยุดฉุดกระชากกันขึ้นระหว่างบุคคลทั้งสอง โดยบิดาของนางมัยมา พบเห็นเข้า นายวุฒิจึงออกจากบ้านของนางมัยไป
สําหรับประเด็นกรณีนายวุฒิได้ทําการข่มขืนนางมัยในวันที่ ๕ และวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๕๐ หรือไม่นั้น จากปากคําของเพื่อนร่วมงานของนางมัยซึ่งต่างก็เป็นข้าราชการครูโรงเรียนเดียวกัน หลายรายได้ให้การ สอดคล้องต้องกันว่า หลังจากวันเกิดเหตุที่นางมัยกล่าวอ้างว่า นายวุฒิข่มขืนกระทําชําเราตนนั้น นางมัยได้มา ปฏิบัติงานที่โรงเรียนตามปกติไม่มีอาการหวาดผวาหรือตื่นกลัว และตามแขนขาของนางมัยก็ไม่มีบาดแผลหรือ รอยฟกช้ําอันเกิดจากการขัดขืนต่อสู้ ในขณะที่มีการปลุกปล้ํากระทําชําเราแต่อย่างใด และยังเห็นนางมัยไปร้องเพลง ที่ห้องพักครูชั้นล่างอย่างสนุกสนานผิดวิสัยของผู้ที่ถูกข่มขืนกระทําชําเรามา มาตรา ๙๔ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗
กรณี ไม่รักษาชื่อเสียงและเกียรติศักดิ์ของตําแหน่งหน้าที่ราชการของตนมิให้เสื่อมเสีย โดยกระทําการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่ว โทษ ภาคทัณฑ์
มติ ก.ค.ศ.เพิ่มโทษจากภาคทัณฑ์เป็นโทษตัดเงินเดือน ๕% เป็นเวลา ๑ เดือน และให้ติดตาม ความประพฤติเป็นเวลา ๑ ปี
ประชุมครั้งที่ ๑๐/๒๕๕๓
เมื่อวันที่ ๒๔ ก.ย. ๒๕๕๓
ที่มา: ก.ค.ศ.